วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2563

โควิด-19 กับผลกระทบในชีวิตประจำวัน

Photo Cover by cottonbro from Pexels

ตอนนี้กระแสเกี่ยวกับไวรัส Covid-19 เริ่มใกล้ตัวเราเข้ามาทุกวัน ทั้งการรายงานข่าวทางทีวี ไม่เว้นแม้กระทั่งช่องทาง social ช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ก็มีให้ตามติดสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิด เรียกว่าเป็นประเด็นข่าวใหญ่ที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นโรคร้ายแรงที่ยังไม่มียารักษา เลยทำให้ผู้คนหวาดกลัวและตระหนักถึงอันตรายของไวรัสชนิดนี้กว่าทุกโรคที่ผ่านมา

Photo by jcomp from freepik

ขนาดที่ทางรัฐบาลต้องประกาศให้เลื่อนวันหยุดสงกรานต์ในปี 2563 ไปแบบไม่มีกำหนด นั่นแสดงว่าเป็นภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ Covid-19 ที่อาจจะระบาดหนักอีกครั้งถ้ามีกลุ่มคนมารวมตัวกันทำกิจกรรมเยอะ ๆ เพราะคนต่างจังหวัดที่ทำงานในเมืองกรุง จะใช้โอกาสช่วงสงกรานต์นี้ กลับบ้านไปหาพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย หรือคนที่ตัวเองรัก บางคนกลับไปกินเลี้ยงสังสรรค์กัน สูบบุหรี่มวนเดียวกัน น้ำแก้วเดียวกัน กินร้อนช้อนกลางอาจจะใช้ไม่ได้ในยุคนี้ ต้องเปลี่ยนเป็น กินร้อนช้อนใครช้อนมันแทน ทำให้ในปีนี้ทุกคนจะไม่ได้กลับบ้านไปพบครอบครัวเหมือนอย่างเคย ถ้าบริษัทไหนให้กลับก็มีมาตรการต่ออีกว่า ต้องไปตรวจโรคก่อน ถ้าพบมีไข้ก็จะให้กักตัว 14 วันเป็นต้น

Photo by freepik from freepik

แม้กระทั่งคนที่ทำงานอยู่ ภายในบริษัทยังมีนโยบายใหม่ให้พนักงาน ต้องวัดไข้ก่อนเข้าทำงานทุกวัน เพื่อคัดกรองผู้ป่วยออก ใครมีไข้ให้กลับบ้านลาป่วยได้เลย ทำให้พนักงานคนนั้นสูญเสียรายได้ไปอย่างน่าเสียดาย จากได้ค่าแรงเต็มก็ได้แค่ 75% เท่านั้น แถมถ้าหายป่วยกลับมา ถึงแม้ผลการวินิจฉัยจะไม่ได้เป็น Covid-19 ก็ตามแต่เพื่อน ๆ ก็ยังไม่วางใจเราเหมือนเดิม และยังใช้วิธีอยู่ห่างจากเราไม่เข้าใกล้เกินระยะ 1 เมตร อีกต่างหาก ซึ่งจะไปโทษเพื่อนก็ไม่ได้ครับ ใคร ๆ ก็รักตัวกลัวตายกันทั้งนั้น แต่ทำให้การเข้าสังคมของเรามันหยุดลงเท่านั้นเอง

Photo by jcomp from freepik

ล่าสุดมีการประกาศให้ปิดตลาดสด อันนี้ส่งผลกระทบมาก ๆ กับหลาย ๆ คนเลย ทั้งคนซื้อและคนขาย ตกเย็นมาเราก็ต้องออกเดินตลาดใกล้บ้านหากับข้าวมารับประทานตอนเย็น แต่พอมีการปิดตลาดไม่ให้ขาย ก็เพิ่มภาระเราขึ้นมาทันที เพราะต้องเดินทางไปซื้อของในเมืองแทน ซึ่งไกลจากเดิมมาก เปลืองทั้งน้ำมัน ทั้งเวลา ด้านพ่อค้าแม่ค้าซึ่งบางคนประกอบอาชีพค้าขายเป็นหลัก ก็เกิดการสูญเสียรายได้ขึ้นมา แล้วจะทำยังไงละทีนี้ขายของก็ไม่ได้แล้วจะดำเนินชีวิตต่อยังไง

พอมันมีโรคระบาดก็เกิดการกักตุนสินค้า เพราะกำลังการผลิตลดลง ที่ไหนมีโรคที่นั่นปิด ไม่มีการผลิตสินค้าเพิ่ม หลายคนตกงาน ต้องวิ่งเต้นหางานใหม่ พ่อค้าแม่ค้าหัวไสบางคนก็ใช้โอกาสนี้โก่งราคาสินค้าขึ้นมา ของแพงขึ้น แต่จำเป็นต้องซื้อเพราะของหายากและเป็นปัจจัยพื้นฐานที่เราต้องใช้อยู่ทุกวัน คนก็เป็นโรคหวาดระแวงว่า เราจะติดเชื้อหรือเปล่า พอมีไข้นิด ๆ หน่อย ๆ ก็วิ่งโร่ไปหาหมอทันที เกิดความวิตกกังวล กลัวคนรอบข้างติดเชื้อ ไม่ไว้ใจใครเลย จากเคยกินน้ำขวดใส่น้ำแข็ง กาแฟเย็น น้ำปั่น ก็งดการกิน เพราะกลัวว่าจะไม่สะอาด ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนก็กินได้ปกติ

Photo by rebcenter-moscow from pixabay

ส่วนการท่องเที่ยวไม่ต้องพูดถึง โรงแรม ที่พัก ร้านอาหารบางเจ้าก็อยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีคนมาเที่ยวทุกคนระวังตัวกันทั้งนั้น สินค้าขายไม่ได้ เคยมีทัวร์มาลง ก็ไม่มีเหมือนแต่ก่อน ยิ่งรัฐบาลประกาศให้สถานที่บางประเภทต้องปิดเป็นการชั่วคราว เท่าที่อ่านดูร้านตัดผมยังปิด แล้วผมจะไปตัดผมที่ไหน ต้องซื้อกรรไกรมาคอยตัดเองล่ะมั้งงานนี้ เมื่อไม่มีคนเที่ยวก็ไม่มีรายได้ บางแห่งต้องเลิกจ้างคน คัดคนออกไป

นี่เป็นแค่ส่วนน้อยนะครับที่ได้รับผลกระทบจากโรค Covid-19 ยังมีอีกเยอะสาธยายไม่หมด ผมมาลองคิดดูเล่น ๆ นะครับ ถ้าเกิดว่า Covid-19 เป็นอาวุธชีวภาพ ก็ถือว่าเป็นอาวุธที่สร้างมาเพื่อทำลายเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ ได้อย่างทรงพลังที่สุด ยิ่งกว่าอาวุธนิวเคลียร์ซะอีก แต่ยังไงเราก็ต้องยืนหยัดสู้ต่อไป ไม่ยอมแพ้ ได้รับผลกระทบมากขนาดนี้ก็อย่าเพิ่งท้อใจไป ถ้าเราช่วยกันเจ้าไวรัสชนิดนี้อาจจะอยู่กับเราไม่นานครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วันที่ 1 ก.ย.67 เวลา 15.40 น. ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุบริเวณถนนข้างโรงงาน เซ้าท์อีสท์วู้ด

วันที่ 1 ก.ย.67 เวลา 15.40 น. ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุบริเวณถนนข้างโรงงาน เซ้าท์อีสท์วู้ด หมู่ 14 ต.กระแสบน อ.แกลง จ.ระยอง ออกตรวจ...